เข้าสู่ยุคเทคโนโลยีอย่างเต็มขั้นแล้วสำหรับปี 2020 ที่เทคโนโลยีได้ก้าวหน้ากันอย่างมาก อาจเพราะด้วยการแข่งขันทางการตลาด ทำให้มีการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาเพื่อตอบสนองความต้องการของกลุ่มผู้บริโภคที่มีอยู่อย่างไม่จำกัด เหล่าผู้ผลิตหรือแบรนด์ต่างๆ ก็แข่งขันกันมากขึ้น ทำให้ผู้บริโภคหรือผู้ใช้งานสามารถเลือกใช้ได้อย่างหลากหลายมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นสมาร์ทโฟน แก็ตเจ็ต หรืออุปกรณ์ไอที หรือแม้แต่กระทั่งเครื่องมือในชีวิตประจำวันต่างๆ ก็ยังมีเทคโนโลยีสุดล้ำเข้ามาเกี่ยวข้อง พ่วงด้วยระบบ IoT (Internet of Things) ที่เป็นส่วนเชื่อมระหว่างอุปกรณ์กับผู้ใช้ วันนี้เราเลยจะพาไปรู้จักกับ 6 อุปกรณ์สุดไฮเทค ที่ควรมีไว้ติดตัว ติดบ้านกัน ไปดูกันเลย

6 อุปกรณ์สุดไฮเทคที่ควรมี!

1. Smart Watch

“สมาร์ทวอทช์” หรือ SmartWatch ที่มีหลายชื่อเรียก ไม่ว่าจะเป็นนาฬิกาโทรศัพท์ หรือ นาฬิกาออกกำลังกายและอื่นๆ อีกมากมายตามคุณสมบัติสุดทันสมัยและอัฉจริยะของสมาร์ทวอทช์ ที่พร้อมสำหรับการอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ใช้งานได้อย่างหลากหลาย สำหรับ “สมาร์ทวอทช์” (Smartwatch) คือ นาฬิกาอัจฉริยะ นาฬิกาข้อมือที่มีคุณสมบัติด้านการทำงานมากกว่าการบอกเวลา เพิ่มเติมฟังก์ชั่นและเทคโนโลยีไว้หลากหลาย ทั้งการสนทนาโทรศัพท์ เป็นนาฬิกาโทรได้ แสดงปฏิทิน ทำหน้าที่เป็นเนวิเกเตอร์ในการนำทางขณะที่เดินทางหรือขับรถ เป็นกล้องถ่ายรูปสำหรับบันทึกภาพต่างๆ เป็นเครื่องคิดเลขและใช้สำหรับการเชื่อมเข้ากับโทรศัพท์มือถือและ Bluetooth เพื่อการใช้งานที่สะดวกมากยิ่งขึ้น ค้นหาสิ่งต่างๆ ด้วยคำสั่งเสียง แจ้งเตือนเรื่องข่าวสาร สภาพอากาศและอื่นๆ อีกมากมาย ไปจนถึงการเชื่อมเข้ากับแอปพลิเคชั่นในการฟังเพลง สั่งซื้อสินค้า หรืออ่านหนังสือ ตอบกลับข้อความหรืออีเมล

6 อุปกรณ์สุดไฮเทคที่ควรมี!

2. หูฟัง True Wireless

สำหรับหูฟัง True Wireless เป็นหูฟังที่มีเทคโนโลยีไร้สายที่มีลักษณะคล้ายกับหูฟัง In-Ear และ Earbud จุดเด่นอยู่ที่ความสะดวกสบายในการใช้งานเนื่องจากมีขนาดเล็ก น้ำหนักเบา พกพาสะดวก อีกทั้งยังไม่มีสายมากวนใจเวลาใช้งานอีกด้วย โดยการใช้งานหูฟังประเภทนี้ก็ง่ายแสนง่าย เพียงเชื่อมต่อหูฟังกับเครื่องเล่นเพลง ผ่านสัญญาณบลูทูธ เพียงเท่านี้ก็สามารถใช้งานได้ทันที ส่วนใหญ่แล้วหูฟัง Truly Wireless จะรองรับการเชื่อมต่อสัญญาณ Bluetooth เวอร์ชั่น 4.0 ขึ้นไป (ถ้าให้ดีต้อง Bluetooth 5.0) ดังนั้นหากอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อรองรับ Bluetooth 4.0 ขึ้นไป ก็หมดปัญหาเรื่องการเชื่อมต่อที่ไม่เสถียรได้เลย สามารถฟังเพลงได้อย่างยาวนานโดยอาศัยการชาร์จเพียงครั้งเดียวนั่นเอง

6 อุปกรณ์สุดไฮเทคที่ควรมี!

3. Robotic Vacuum Cleaner

หลายคนอาจจะเคยได้ยินในชื่อ “Robovac” ที่ย่อมาจากชื่อเต็มๆว่า Robotic Vacuum Cleaner ซึ่งมันจัดอยู่ในประเภทหุ่นยนต์อัจฉริยะ ที่ถูกวางโปรแกรมให้มีคุณสมบัติเหมือนเครื่องดูดฝุ่นหรืออาจจะล้ำสมัยกว่าเครื่องดูดฝุ่นด้วยซ้ำไป (ขึ้นอยู่กับแบรนด์และความสามารถที่แตกต่างของหุ่นยนต์ดูดฝุ่น) โดยหุ่นยนต์ดูดฝุ่นส่วนใหญ่ที่เห็นได้ตามท้องตลาด ก็จะมีทั้งแบบสั่งการผ่านรีโมท และแบบ Self-drive ที่หุ่นยนต์สามารถดูแลความสะอาดได้เอง โดยที่เราไม่ต้องควบคุมหรือคอยสั่งการ นอกจากนี้ ในเรื่องของดีไซน์และฟีเจอร์ต่างๆ ก็จะแตกต่างกันออกไป เช่น บางตัวก็เป็นทรงกลม แต่บางตัวก็เป็นทรงเหลี่ยม หรือบางตัวอาจจะมีฟีเจอร์พิเศษ (เช่น กวาดพื้น) ในขณะที่บางตัวไม่มี

6 อุปกรณ์สุดไฮเทคที่ควรมี!

4. Air Purifier

เครื่องฟอกอากาศ (Air Purifier หรือ Air Cleaner) คือ เครื่องที่ช่วยในการกำลังสิ่งแปลกปลอมในอากาศเช่น ฝุ่น แบคทีเรีย เชื้อโรค รวมถึงกลิ่นอันไม่พึงประสงค์อย่างเช่น กลิ่นควันบุหรี่ กลิ่นอับ กลิ่นเหม็นในบ้านให้หายไป โดยเครื่องกรองอากาศจะดูดอากาศเข้าเครื่องผ่านตัวกรองเพื่อดักจับสิ่งแปลกปลอมในอากาศเอาไว้ และปล่อยอากาศบริสุทธิ์ออกมาแทน ทุกวันนี้ยังมีเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่พัฒนาเครื่องฟอกอากาศให้มีระบบเซ็นเซอร์อัตโนมัติที่ช่วยตรวจจับเชื้อโรคในอากาศ พร้อมทั้งระบบ IoT ที่เชื่อมกับโทรศัพท์ สามารถเปิดเครื่องฟอกอากาศก่อนเข้าบ้าน หรือก่อนเข้าห้องได้

6 อุปกรณ์สุดไฮเทคที่ควรมี!

5. Digital Door Lock

Digital door lock คือ ระบบกลอนประตูอิเล็คทรอนิกส์ หรือเรียกว่า กลอนประตูดิจิตอล ที่ตอบโจทย์เรื่องความปลอดภัยในการล็อคประตู พร้อมฟังก์ชั่นทันสมัยในการปลดล็อคด้วยระบบกดรหัสผ่าน สแกนลายนิ้วมือ หรือ คีย์การ์ด รวมไปถึงยังมีระบบเตือนภัยเมื่อมีการโจรกรรม งัดประตู อีกทั้งมีระบบป้องกันการสุ่มรหัสหรือการพยายามที่จะปลดล็อคด้วยวิธีต่างๆ และระบบล็อคอัตโนมัติเมื่อประตูปิด เป็นต้น นอกจากนี้ตัวเครื่องมีดีไซน์สวยงาม เหมาะกับการติดตั้งกับประตูหลากหลายชนิด เช่น ประตูไม้, เหล็ก, อลูมิเนียม ฯลฯ (ขึ้นอยู่กับคุณสมบัติของดิจิตอลดอร์ล็อคแต่ละรุ่น)

6. Smart TV

สมาร์ททีวี คือ อุปกรณ์สุดไฮเทค ลูกผสมระหว่างทีวีกับคอมพิวเตอร์ โดยมีคุณสมบัติเหมือนโทรทัศน์ระบบดิจิตอลทั่วไปทุกอย่าง แต่มาพร้อมกับคุณสมบัติสามารถเชื่อมต่อกับเครือข่ายอินเตอร์เน็ตได้ มีส่วนติดต่อกับผู้ใช้งาน (User Interface) สามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่นและเนื้อหาสาระบันเทิงต่างๆ เพิ่มเติมมาใช้งาน เช่นเดียวกับที่สมาร์ทโฟนและแท็ปเล็ตสามารถทำได้ แต่ต่างจาก Internet TV และมักจะเข้าใจผิดกันว่าเหมือนกัน ซึ่ง Internet TV นั้นจะรับเนื้อหาทีวีจากเครือข่ายอินเตอร์เน็ตโดยตรงมาทั้งหมด ในขณะที่สมาร์ททีวีสามารถรับเนื้อหาได้แบบโทรศัพท์ปกติและจากเครือข่ายอินเตอร์เน็ตด้วย ในปัจจุบันนี้สมาร์ททีวีได้รับความนิยมมากขึ้น จึงทำให้ค่ายผู้ผลิตสินค้าเทคโนโลยีหลายเจ้ากระโดดเข้าสู่ตลาดนี้ เช่น Samsung, LG, Panasonic, Sharp, Sony, TCL, Toshiba เป็นต้น เมื่อมีการแข่งขันกันมากขึ้น ก็ส่งผลให้ราคาลดลงหากเทียบกับอดีตที่ผ่านมา คนทั่วไปสามารถเข้าถึงได้มากขึ้นและอาจจะเข้าไปทดแทนทีวีแบบปกติในอนาคตก็เป็นได้

ยังมีอุปกรณ์ไฮเทคมากมายที่เราจะยังไม่เคยรู้จัก หรือได้ใช้ ซึ่งในอนาคตอาจจะมีเพิ่มมาเรื่อยๆ เนื่องด้วยการพัฒนาที่ไม่สิ้นสุดของมนุษย์ ใครสายเทคโนโลยีคงพลาดไม่ได้แน่ๆ

5 ทริคที่ยิ่งกินยิ่งผอม การลดน้ำหนักที่ถูกต้องที่สุดนั้นควรทำทั้งการออกกำลังกายและการควบคุมอาหาร การลดน้ำหนักที่ดีและได้ผลคือการลดที่ปริมาณไขมันสะสมในร่างกาย โดยมีวิธีการหลักๆอยู่ 2 วิธี คือ ควบคุมอาหารและการออกกำลังกาย

อ่านบทความน่าสนใจเพิ่มเติม : ออกแบบ Customer Journey ที่ดี เพื่อให้ธุรกิจกลับมาปังได้